Don't think life

is worthless

ผู้ที่แข็งแกร่งคือผู้ที่กล้า

ยิ้มให้ความทุกข์

กล้าที่จะถูกเกลียด

​

เป็นเรื่องราวของ ‘การสร้างที่ดีความสัมพันธ์กับคนอื่น’ นั้นเป็นเรื่องที่ผิด ยิ่งเรารู้สึกว่าจะต้องแคร์หรือพยทยามทำดีกับคนอื่นมากเท่าไหร่ เท่ากับคุณกำลังจะทิ้งชีวิตตัวเอง ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า ‘ความทุกข์ใจทั้งหมด ล้วนเกิดจากความสัมพันธ์’ เป็นเรื่องที่นำเอาหลักของ “อัลเฟรด แอดเลอร์” หรือหลาย ๆ คนคงคุ้นกันว่าเป็น บิดาแห่งจิตวิทยาการพัฒนา โดยในหนังสือจะนำเสนอแบบแนว Conversation หรือเป็นแนวสนทนาโต้ตอบนั้นเอง ซึ่งเป็นบทสนทนาของ ‘อาจารย์’ สุดใจเย็น สุขุม และ ‘ชายหนุ่ม’ขี้สงสัย นิสัยโผงผาง อารมณ์ร้อน ซึ่งหนังสือกล้าที่จะถูกเกลียด มีดีกรีเป็นถึง หนังสือจิตวิทยาที่ได้รับความนิยมสูงสุดจากประเทศญี่ปุ่นด้วย

​

​It's the story of 'Building good relationships with others' is wrong. The more we feel that we must care or try to do good to others, the more It's like you're about to throw away your life. which is the origin of the word 'All the sorrow comes from relationships.' It is a story that uses the principles of "Alfred Adler" or what many people are probably familiar with. Father of Developmental Psychology The book will be presented in a Conversation style or in a conversational style. which is a conversation between a 'teacher' who is extremely calm and calm and a 'young man' who is curious, blunt and has a hot temper, which the book dares to hate. Have a degree of The most popular psychology book from Japan.

กล้าที่จะถูกเกลียด 2

​

จริง ๆ แล้วก็คือพัฒนามาจากกล้าที่จะถูกเกลียด1 นั้นแหละ เพราะในเล่มสีฟ้าจะเป็นบทสนทนาของอาจารย์และชายหนุม และสุดท้ายก็ยอมรับว่าสิ่งที่อาจารย์พูดไป มันถูกหมดและเค้าพร้อมที่จะทำตามแนวคิดของแอดเลอร์ สามปีต่อมา หลังจากเล่มที่1 เรื่องราวก็เกิดขึ้นเมื่อ ชายหนุ่มทำตามที่อาจารย์สอน กลับไม่เวิร์คเลย ทำให้เค้าเริ่มไม่แน่ใจในแนวคิดของแอดเลอร์อีกแบ้ว เลยกลับมาหาอาจารย์ เพื่อหาคำตอบหลาย ๆ อย่างที่เค้าสงสัย ส่วนตัวเราคิดว่าจริง ๆ แล้วหนังสือเล่มนี้เป็นตัวขยายความของเล่มที่1ค่ะ โดยใช้สไตล์การเล่าเรื่องนำเสนอเรื่องแบบเดิมค่ะ คือ อาจารย์ และ ชายหนุ่ม

​

​In fact, it developed from daring to be hated1, because in the blue book there will be a conversation between the teacher and the young man. and finally accepted what the teacher said It was all right and he was ready to follow Adler's idea three years later, after volume 1. The story happened when The young man did as his teacher taught him. It doesn't work at all. Makes him start to have doubts about Adler's ideas again. So I came back to see the teacher. To find answers to many questions he had. Personally, I think that this book is actually an expansion of Volume 1. Using the same storytelling style to present the story as usual: a teacher and a young man.

คิดแบบยิว ทำแบบญี่ปุ่น

จริง ๆ เรื่องนี้ตั้งอยู่บนเช้ล Best sales ของทุก ๆ แห่งเลย และในที่สุดก็มีโอกาสได้ซื้อมาอ่านสักที เราว่าหนังสือยังมีแนวคิดคล้าย ๆ หนังสือจิตวิทยาหลายเล่ม นำเสนอออกมาในรูปแบบนิยายเลยค่ะ หน้งสือเล่มนี้ให้แนวคิดในเรื่องของการหาเงิน หรือเก็บออมเงินได้ดี และอีกเช่นเคยวิธีเล่าเรื่องก็จะเป็นแนวสนทนาของคนสองคน ผ่านตัวละคน นคือ ‘เศรษฐีชาวยิว’ ผู้ที่อพยพมาเปิดธุรกิจเพชรพลอย และ ‘ชายหนุ่มชาวญี่ปุ่น’ ที่มีไฟแรงและกำลังจะย่างก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ซึ่งเขาได้เดินทางมาเป็นอาสาสมัครในประเทศอเมริกา หล้งจากนั้นก็ขอให้เศรษฐีชาวยิวช่วยสอนวิธีเกี่ยวกับเงินต่าง ๆ ส่วนตัวเราชอบหนังสือที่มีการโต้ตอบ เพราะเนื้อหาอ่านง่าย สามารถจินตนาการเห็นภาพได้ ไม่น่าเบื่อเลยค่ะ เราแนะนำเลยนะคะสำหรับใครที่สนใจในการเก็บเงิน ออมเงิน เผื่อจะได้ไอเดียและนเอากไปปรับใช้ได้จ้า

​

​Actually, this story is on the best sales list of every place and I finally had a chance to buy it and read it. I think the book still has similar ideas to many psychology books. Presented in the form of a novel. This book gives ideas on how to make money. Or save money well And as always, the way the story is told will be in the form of a conversation between two people through each person. There are 'Jewish millionaires' who immigrated to open a jewelry business and 'Japanese young men' who are energetic and about to enter the workforce. which he came to volunteer in America Then I asked a wealthy Jew to teach me how to deal with money. Personally, I like interactive books. Because the content is easy to read Able to imagine and see images It's not boring at all. We recommend it for anyone who is interested in saving money in order to get ideas and apply them.

แด่คุณที่กลัวการเปลี่ยนแปลงมาทั้งชีวิต

​เป็นหนังสือที่สะท้อนแนวคิดหลาย ๆ อย่าง เช่น คำพูดในแง่ลบจะย้อนกลับมาที่ตัวเราเอง ถ้าเปลี่ยนเวลาไม่ได้ก็ลองเปลี่ยนวิธีใช้เวลาดูสิ เป็นต้น หนังสือเล่มนี้จะนำเสนอ ‘เทคนิคการเปลี่ยนแปลงทางบวก’ โดยนักอ่านใจไดโกะ นักเขียนชาวญี่ปุ่นซึ่งเราก็ใช้แนวคิดต่าง ๆ เหล่านี้มาปรับใช้ให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของเราดูนะคะ รับรองว่าหลังจากที่คุณได้เปลี่ยนแปลงตัวเองแล้ว คุณจะยิ่งรักตัวเองและคนรอบข้างมากขึ้นอย่างแน่นอนจ้า

​

​It is a book that reflects many ideas, such as negative words coming back to us. If you can't change the time, try changing the way you spend your time, etc. This book will present. 'Positive Change Technique' by Mind Reader Daigo Japanese writers, and we use these various ideas to adapt them to suit our daily lives. Ensure that after you have changed yourself You will definitely love yourself and those around you even more.

สำหรับใครที่ไม่ใช่สายอ่าน หรือว่ากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นหาหนังสือดี ๆ มาอ่านกันสักเล่ม ก็สามารถเปิดใจให้กับบรรดาหนังสือทั้ง 20 เล่มที่เราแนะนำให้อ่านเหล่านี้ได้ เพราะแต่ละเล่มที่คัดมา มีเนื้อหาที่ไม่ได้ซีเรียส หรือว่าทำความเข้าใจยากขนาดนั้น และถ้าเป็นไปได้ เราก็อยากให้ทุกคนหาหนังสือเล่มที่เป็น ภาษาต้นฉบับ ของหนังสือเล่มนั้น ๆ มาอ่าน เพื่ออรรถรสที่ดียิ่งขึ้น แต่ถ้าภาษานั้นค่อนข้างจะไกลตัวเรามาก ก็สามารถเลือกอ่านจากฉบับแปลไทยได้ เพราะหนังสือทุกเล่มที่คัดมา มีฉบับภาษาไทยทั้งหมด และถ้าใครอยากจะป้ายยาหนังสือในดวงใจ ที่อยากจะแนะนำให้เราลองอ่านกันดูบ้าง ก็สามารถคอมเมนต์ด้านล่างเข้ามาได้เลยนะ 😊